นโยบายความเป็นส่วนตัว

บริษัท โอตะ อิซัง จำกัด (จากนี้ไปเรียกว่า “บริษัทของเรา”) ได้พิจารณาถึงความสำคัญในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล จึงได้จัดทำนโยบายความเป็นส่วนตัวดังต่อไปนี้ (จากนี้ไปเรียกว่า “นโยบายนี้”) โดยเป็นมาตรฐานของบริษัทเอง เพื่อคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ใช้ในการทำธุรกิจอย่างเหมาะสม พร้อมทั้งเป็นไปตาม “กฎหมายที่เกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล” อีกทั้งบริษัทของเรายังได้ปฏิบัติตามนโยบายนี้ ในการให้บริการบนเว็บไซต์นี้ (จากนี้ไปเรียกว่า “บริการนี้”)

  1. ข้อที่ 1 (ข้อมูลส่วนบุคคล)
    “ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง “ข้อมูลส่วนบุคคล” ตามที่ได้กล่าวถึงในกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งเป็นข้อมูลที่เกี่ยวกับบุคคลที่ยังมีชีวิตอยู่ โดยที่ข้อมูลสามารถระบุจำแนกตัวบุคคลได้ ทั้งจากชื่อสกุล, วันเดือนปีเกิด, ที่อยู่, หมายเลขโทรศัพท์, ข้อมูลสำหรับติดต่อ และข้อความอื่นๆ ที่รวมอยู่ในข้อมูลดังกล่าว รวมทั้งข้อมูลที่สามารถระบุจำแนกตัวบุคคลได้ด้วยข้อมูลแบบเดี่ยวที่เกี่ยวข้อง เช่น ข้อมูลที่เกี่ยวกับลักษณะรูปลักษณ์ภายนอก, ลายนิ้วมือ, เสียงพูด และหมายเลขผู้ประกันตนของบัตรประกันสุขภาพ เป็นต้น
  2. ข้อที่ 2 (เกี่ยวกับข้อมูลที่ได้มา)
    สำหรับการบริการของทางบริษัทของเรา จะเป็นการใช้งาน ID ที่กำหนดขึ้นมาแบบสุ่ม (จากนี้ไปเรียกว่า ID อัตลักษณ์) โดยเป็นชุดตัวอักษรที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะในแต่ละเบราว์เซอร์และแอปพลิเคชันที่ทางลูกค้าได้เข้าดูหรือใช้งานด้านบริการและเนื้อหาของบริษัทของเรา และมีการเก็บข้อมูลคุณสมบัติและประวัติการใช้งานของลูกค้า

    อาจมีการเก็บข้อมูลต่อไปนี้จากเบราว์เซอร์

    • ที่อยู่ IP
    • URL ของเว็บไซต์ที่เข้าดู, ส่วนหัวของเว็บเพจที่มีการเชื่อมโยงมายังเว็บไซต์ (HTTP Referer) (คำค้นหา), วันเวลาที่เข้าถึง
    • ข้อมูลยูสเซอร์ เอเจนต์ (User Agent) ในเบราว์เซอร์ (อุปกรณ์ที่กำลังใช้งานอยู่, OS, ชื่อของซอฟต์แวร์แอปพลิเคชัน)

    ซึ่งจากการจับกลุ่มข้อมูลเหล่านี้ อาจมีโอกาสที่จะสามารถระบุตัวบุคคลได้ แต่ถึงแม้ว่าจะสามารถจำแนกตัวบุคคลจากข้อมูลที่ได้มาก็ตาม บริษัทของเราจะไม่ดำเนินการจับกลุ่มเพื่อจำแนกข้อมูลเหล่านั้น

  3. ข้อที่ 3 (วัตถุประสงค์การรวบรวมและการใช้งานข้อมูลส่วนบุคคล)
    บริษัทของเราได้รวบรวมและใช้งานข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์ต่อไปนี้
    เพื่อให้บริการและบริหารจัดการบริการของบริษัทของเรา
    1. 1.

      เพื่อระบุลูกค้าที่ใช้งานบริการผิดไปจากข้อตกลงการใช้งาน หรือพยายามที่จะใช้งานบริการด้วยวัตถุประสงค์ที่ไม่เหมาะสมหรือไม่ถูกต้อง และระงับการใช้งาน

    2. 2.

      การวัดประสิทธิภาพและการปรับปรุงโฆษณา

    3. 3.

      การเผยแพร่โฆษณาตามพฤติกรรมผู้บริโภค

    4. 4.

      วิเคราะห์ตลาดและทำการตลาด

    5. 5.

      ทำการอนุมานเชิงเปรียบเทียบจากข้อมูลสถิติประชากร เช่น แยกตามเพศ

    6. 6.

      การควบคุมความถี่ในการเข้าชมโฆษณา

  4. ข้อที่ 4 (การเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์การใช้งาน)
    บริษัทของเราจะทำการเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์การใช้งานข้อมูลส่วนบุคคลได้เฉพาะกรณีที่ยืนยันได้ว่าเนื้อหาที่จะเปลี่ยนแปลงนั้นมีความเกี่ยวเนื่องกับวัตถุประสงค์การใช้งานก่อนหน้าที่จะทำการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นเหตุเป็นผล
    กรณีที่ได้ดำเนินการเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์การใช้งานแล้ว กำหนดให้ต้องทำการแจ้งให้ลูกค้าทราบ หรือทำการประกาศต่อสาธารณะบนเว็บไซต์ เกี่ยวกับวัตถุประสงค์หลังจากที่เปลี่ยนแปลง
  5. ข้อที่ 5 (เกี่ยวกับการใช้งาน Google Analytics™)
    สำหรับเว็บไซต์นี้ ได้ใช้ Google Analytics™ เพื่อเก็บข้อมูลจราจรคอมพิวเตอร์ (Traffic Data) และในกรณีที่ต้องการจะปฏิเสธการใช้งานการเก็บข้อมูลการเข้าชมเว็บไซต์ หรือคุกกี้ (Cookies) ที่มาจาก Google Analytics™ สามารถที่จะเลือกไม่เข้าร่วม (opt out) ได้จากเว็บไซต์ที่ให้บริการ Google Analytics™
    * Google Analytics™ เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ Google Inc.
  6. ข้อที่6 (เกี่ยวกับการเผยแพร่โฆษณา)
    บริษัทของเราใช้โปรแกรมที่บริษัทสื่อโฆษณาเป็นผู้ให้บริการ และใช้งานคุกกี้ (Cookies) ทำการเก็บข้อมูลคุณสมบัติของลูกค้าเพื่อใช้ในการโฆษณาตามพฤติกรรมผู้บริโภคในเว็บไซต์ที่ได้มีการกำหนดไว้เฉพาะ (วิธีการโฆษณาที่เป็นการแสดงโฆษณาตามความสนใจและความอยากรู้ของลูกค้า โดยอิงจากข้อมูลการเข้าชมเว็บไซต์และอื่นๆ) ซึ่งบริษัทสื่อโฆษณาจะทำการแสดงโฆษณาที่ตรงกับความสนใจและความอยากรู้ของลูกค้าโดยการใช้คุกกี้ดังกล่าว ซึ่งข้อมูลที่ถูกใช้โดยคุกกี้นั้นจะเป็นข้อมูลคุณสมบัติ เช่น ข้อมูลตำแหน่งที่ตั้งโดยประมาณ อายุ เพศ ฯลฯ แต่ไม่รวมข้อมูลที่สามารถระบุตัวบุคคลได้
  7. ข้อที่ 7 (การส่งต่อข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่บุคคลที่สาม)
    บริษัทของเราจะไม่ทำการส่งมอบข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากลูกค้าให้แก่บุคคลที่สามโดยเด็ดขาด ยกเว้นในกรณีที่ยกมาต่อไปนี้ และในกรณีที่เป็นไปตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงกฎหมายอื่นๆ
    1. 1.

      ในกรณีที่จำเป็นเพื่อปกป้องชีวิต, ร่างกายหรือทรัพย์สินของบุคคล และมีความยากลำบากในการขอรับความเห็นชอบจากเจ้าของข้อมูล

    2. 2.

      ในกรณีที่จำเป็นต้องให้ความร่วมมือเพื่อให้การปฏิบัติงานตามที่กฎหมายกำหนดของหน่วยงานของประเทศ หน่วยงานการปกครองส่วนท้องถิ่น หรือบุคคลที่ได้รับมอบหมายหน้าที่จากหน่วยงานเหล่านั้นสำเร็จลุล่วงไปได้ โดยที่มีความเป็นไปได้ว่าการขอรับความเห็นชอบจากเจ้าของข้อมูลจะเป็นอุปสรรคต่อความสำเร็จในการปฏิบัติงานดังกล่าว

    3. 3.

      เมื่อมีการแจ้งหรือประกาศเนื้อหาต่อไปนี้ให้ทราบล่วงหน้า และบริษัทของเราได้ทำการยื่นเรื่องรายงานต่อคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลแล้ว

    • มีเรื่องของการส่งมอบข้อมูลให้แก่บุคคลที่สามรวมอยู่ในวัตถุประสงค์การใช้งาน
    • หัวข้อที่เป็นข้อมูลที่จะถูกส่งให้บุคคลที่สาม
    • ขั้นตอนหรือวิธีการส่งมอบให้แก่บุคคลที่สาม
    • การหยุดการส่งมอบข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่บุคคลที่สามตามคำร้องของเจ้าของข้อมูล
    • วิธีการรับคำร้องของเจ้าของข้อมูล

    และในกรณีต่อไปนี้ ถึงแม้ว่าจะมีข้อกำหนดอยู่ในข้อความก่อนหน้า แต่ก็จะไม่ถือว่าปลายทางของการส่งมอบข้อมูลส่วนบุคคลเป็นบุคคลที่สาม

    1. 1.

      กรณีที่ทางบริษัทได้มอบหมายให้ใช้งานข้อมูลส่วนบุคคลทั้งหมดหรือบางส่วนภายในขอบเขตที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์การใช้งาน

    2. 2.

      กรณีที่มีการส่งมอบข้อมูลส่วนบุคคลพร้อมกับการสืบทอดธุรกิจต่อด้วยสาเหตุจากการควบรวมกิจการหรือเหตุผลอื่นๆ

    3. 3.

      กรณีที่มีการใช้งานข้อมูลส่วนบุคคลร่วมกันระหว่างบุคคลที่ได้กำหนดไว้ และได้มีการชี้แจงต่อเจ้าของข้อมูลล่วงหน้า หรือจัดแสดงให้อยู่ในสถานะที่เจ้าของข้อมูลสามารถรับทราบได้โดยง่ายเกี่ยวกับ ชื่อสกุล หรือชื่อนิติบุคคลที่รับผิดชอบเกี่ยวกับหัวข้อของข้อมูลส่วนบุคคลที่จะใช้งานร่วมกันพร้อมทั้งเนื้อหาภายในข้อมูลนั้น, ขอบเขตของผู้ที่ใช้งานร่วม, วัตถุประสงค์การใช้งานของผู้ที่ใช้งาน และการบริหารจัดการข้อมูลดังกล่าว

  8. ข้อที่ 8 (การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล)
    เมื่อมีการร้องขอให้เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลจากเจ้าของข้อมูล บริษัทจะทำการเปิดเผยข้อมูลนั้นให้แก่เจ้าของข้อมูลโดยทันที แต่จากการเปิดเผยนั้น หากตรงกับข้อใดข้อหนึ่งต่อไปนี้ อาจจะไม่ทำการเปิดเผยข้อมูลนั้นทั้งหมดหรือเป็นบางส่วน ซึ่งในกรณีที่มีการตัดสินว่าจะไม่ทำการเปิดเผย จะทำการแจ้งผลลัพธ์ให้ทราบโดยทันที
    กรณีที่มีความเป็นไปได้ที่จะทำให้เกิดความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย ทรัพย์สิน หรือสิทธิประโยชน์อื่นๆ ของเจ้าของข้อมูลหรือบุคคลที่สาม
    กรณีที่มีความเป็นไปได้ที่จะขัดขวางการดำเนินงานอย่างถูกต้องเหมาะสมของบริษัทของเราเป็นอย่างยิ่ง
    กรณีที่ผิดกฎหมายอื่นๆ
    โดยกฎพื้นฐาน จะไม่ทำการเปิดเผยข้อมูลที่นอกเหนือไปจากข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ข้อมูลประวัติ ข้อมูลคุณลักษณะ ถึงแม้จะมีข้อกำหนดตามเนื้อหาก่อนหน้าก็ตาม
  9. ข้อที่ 9 (การแก้ไขและการลบข้อมูลส่วนบุคคล)
    ลูกค้าสามารถยื่นคำร้องขอให้ทำการแก้ไข เพิ่มเติม หรือลบ (จากนี้ไปเรียกว่า “ทำการแก้ไข ฯลฯ”) ข้อมูลส่วนบุคคลต่อบริษัทได้ โดยวิธีการตามที่ทางบริษัทกำหนด ในกรณีที่พบว่าข้อมูลส่วนบุคคลของตนเองที่บริษัทครอบครองอยู่นั้นเป็นข้อมูลที่ผิดพลาด
    ในกรณีที่ได้รับคำร้องตามเนื้อหาในย่อหน้าก่อนหน้าจากลูกค้า และตัดสินว่าจำเป็นจะต้องดำเนินการตามคำร้องนั้น บริษัทของเราจะทำการแก้ไข ฯลฯ ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวโดยทันที ในกรณีที่ได้ทำการแก้ไขตามข้อกำหนดที่อยู่ในย่อหน้าด้านบนแล้ว หรือหากมีการตัดสินว่าจะไม่ทำการแก้ไข ฯลฯ บริษัทจะทำการแจ้งผลลัพธ์นี้ต่อลูกค้าโดยทันที
  10. ข้อที่ 10 (การหยุดการใช้งานข้อมูลส่วนบุคคล ฯลฯ)
    กรณีที่มีการเรียกร้องให้หยุดการใช้งานหรือลบข้อมูลส่วนบุคคล (จากนี้ไปเรียกว่า “การหยุดการใช้งาน ฯลฯ”) ด้วยเหตุผลว่าข้อมูลส่วนบุคคลได้ถูกนำไปใช้งานเกินขอบเขตวัตถุประสงค์การใช้งาน หรือด้วยเหตุผลว่ามีการจัดหาข้อมูลส่วนบุคคลนั้นมาด้วยวิธีการที่ไม่ถูกต้อง บริษัทของเราจะดำเนินการตรวจสอบที่จำเป็นโดยทันที
    และจากผลการตรวจสอบในย่อหน้าก่อนหน้า ในกรณีที่ตัดสินว่าจำเป็นจะต้องดำเนินการตามคำร้องนั้น ก็จะทำการหยุดการใช้งานข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวโดยทันที
    ในกรณีที่มีการหยุดการใช้งาน ฯลฯ ซึ่งเป็นไปตามข้อกำหนดในย่อหน้าก่อนหน้า หรือในตอนที่มีการตัดสินแล้วว่าจะไม่ทำการหยุดการใช้งาน ฯลฯ บริษัทจะทำการแจ้งผลลัพธ์นี้ต่อลูกค้าโดยทันที ทั้งนี้กรณีที่เกิดค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนมากในการหยุดการใช้งาน ฯลฯ หรือกรณีที่มีความยากลำบากเป็นอย่างยิ่งในการหยุดการใช้งาน ฯลฯ หรืออื่นๆ ในกรณีที่สามารถจัดหามาตรการที่จำเป็นมาทดแทนการหยุดการใช้งาน ฯลฯ นี้ได้
    ทางบริษัทจะจัดทำมาตรการทดแทนนั้นเพื่อเป็นการปกป้องสิทธิและผลประโยชน์ของทางลูกค้า
  11. ข้อที่ 11 (การเปลี่ยนแปลงนโยบายความเป็นส่วนตัว)
    เนื้อหาของนโยบายนี้สามารถเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ลูกค้าทราบ ยกเว้นหัวข้อที่เป็นข้อกฎหมายหรือข้อกำหนดพิเศษอื่นๆ ที่อยู่ในนโยบายนี้
    ยกเว้นในกรณีที่ทางบริษัทได้กำหนดแยกต่างหาก นโยบายความเป็นส่วนตัวหลังการเปลี่ยนแปลงจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ได้ปรากฏอยู่บนเว็บไซต์นี้
  12. ข้อที่ 12 (ช่องทางการติดต่อสอบถาม)
    สำหรับการสอบถามเกี่ยวกับนโยบายนี้ กรุณาติดต่อตามช่องทางที่ระบุด้านล่างนี้

    กลุ่มการจัดการทั่วไป ฝ่ายบริหารจัดการ บริษัท โอตะ อิซัง จำกัด
    2-3-2 เซ็นโกคุ เขตบุนเคียว โตเกียว 112-0011
    TEL : +81-3-3944-1311, FAX : +81-3-3944-4626
    เวลาทำการ : 9.00-17.00 น. (ยกเว้นวันเสาร์ วันอาทิตย์ วันหยุดนักขัตฤกษ์ วันหยุดสิ้นปีและปีใหม่ และวันหยุดที่ทางบริษัทของเรากำหนด)

    บริษัทของเราเป็นผู้ประกอบการที่อยู่ในสมาคมผู้ผลิตเภสัชภัณฑ์ของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นองค์กรที่ให้ความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับการรับรองจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการของญี่ปุ่น ซึ่งสมาคมนี้ได้มีการรับข้อมูลร้องเรียนและให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการใช้งานข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องด้วย

    (ติดต่อสอบถาม)
    ศูนย์คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล สมาคมผู้ผลิตเภสัชภัณฑ์ของญี่ปุ่น
    ภายในอาคารสมาคมอุตสาหกรรมยาโตเกียว, 2-1-5 นิฮงบาชิฮงโจ เขตชูโอ โตเกียว 103-0023
    TEL : +81-3-3270-1810
    เวลาทำการ : 10.00-16.00 น. (ยกเว้นวันเสาร์ วันอาทิตย์ วันหยุดนักขัตฤกษ์ วันหยุดสิ้นปีและปีใหม่ และวันหยุดอื่นๆ ตามที่กำหนด)

    ที่อยู่เว็บไซต์ : http://www.fpmaj.gr.jp/